1. สภาพแวดล้อมในการทำงาน
สถานที่ทำงาน
ต้องทำงานทั้งในสำนักงาน การออกพื้นที่จริงเพื่อสำรวจสถานที่ทั้งก่อนก่อสร้างและขณะกำลังก่อสร้าง
การทำงานอาจทำเป็นช่วงในตลอด 24 ชั่วโมง
เมื่องานการก่อสร้างต้องเร่งระยะการทำงานอาจยาวนานแล้วแต่ขนาดของอาคาร สถานที่
เป็นอาชีพที่ไม่มีผลัดการทำงานเพราะสถาปนิกผู้ออกแบบนั้นจะต้องทำหน้าที่รับผิดชอบร่วมกับวิศวกรผู้ทำงานร่วมกัน อาชีพสถาปนิกเป็นอาชีพที่สามารถใช้ความสามารถเฉพาะตัวในการประกอบอาชีพได้ ทำให้สามารถทำงานส่วนตัวหรือทำงานในสำนักงานออกแบบ โดยบัณฑิตส่วนใหญ่ที่มีจุดมุ่งหมายในการเป็นนักออกแบบมักนิยมเข้าทำงานในสำนักงานออกแบบ เพื่อเรียนรู้ระบบการทำงานและมีความก้าวหน้าตามประสบการณ์
สภาพการทำงาน
สถาปนิกคือบุคคลผู้เกี่ยวข้องในการออกแบบและวางแผนในการก่อสร้างหรือที่เรียกว่างานสถาปัตยกรรม โดยสถาปนิกจะเป็นผู้ที่เข้าใจในมาตรฐานการก่อสร้างของอาคาร เข้าใจถึงหน้าที่ใช้สอยของอาคารนั้น รวมถึงวัสดุที่จะนำมาเป็นส่วนประกอบของสิ่งก่อสร้างนั้น สถาปนิกจำเป็นต้องได้รับการศึกษาทางสถาปัตยกรรมศาสตร์และได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรม ถึงจะสามารถทำงานในวิชาชีพสถาปนิกได้ซึ่งคล้ายกับการทำงานในสาขาวิชาชีพอื่น กำหนดระยะเวลาทำงานขึ้นอยู่กับขนาดและประเภทของอาคาร สิ่งก่อสร้าง ตามที่ผู้จ้างต้องการต้องทำงานให้เสร็จทันเวลาเพราะมีโทษปรับถ้าการก่อสร้างเสร็จไม่ทันตามกำหนดเวลา
ประเภทของลูกค้า
ประเภทของลูกค้าขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยมาก สิ่งหนึ่งที่สำคัญคือขึ้นอยู่กับขนาดขององค์กรของเราว่ามีขนาดใหญ่หรือเล็ก
ถ้าขนาดใหญ่ก็จะได้รับมอบหมายในงานที่ใหญ่ๆ ลูกค้าก็จะเป็นเจ้าของโรงแรม เจ้าของโรงพยาบาล
เจ้าของตึกสำนักงานต่างๆ ซึ่งบริษัทต้องมีความน่าเชื่อถือมากเพียงพอ
เพราะการทำงานของสถาปนิกคือการออกแบบโครงสร้างภายใน
ซึ่งถ้าไม่มีความน่าเชื่อถือก็จะส่งผลไปถึงความแข็งแรงของสิ่งก่อสร้างซึ่งอาจเกิดอันตรายและความเสียหายตามมา ส่วนบริษัทสถาปนิกองค์กรเล็กๆ
งานที่ได้ทำก็จะมีขนาดที่เล็กตามลงมา ลูกค้าอาจจะเป็นเจ้าของธุรกิจที่กำลังจะเปิดร้าน การออกแบบบ้าน ตึกอาคารพาณิชย์ขนาดเล็ก
ร้านอาหาร เป็นต้น
ลูกค้าจะเลือกจ้างจากความถนัดและสไตล์งานเป็นหลัก ซึ่งก็เป็นสิ่งที่สำคัญในการตัดสินใจเลือก
เพราะถ้าสไตล์งานตรงตามที่ต้องการแล้วนั้น ก็จะสามารถทำงานด้วยกันง่าย
มองเห็นภาพเดียวกัน ในบางครั้งลูกค้ามาจากการบอกปากต่อปาก
ถ้าการทำงานของเรามีคุณภาพลูกค้าติดใจก็จะมีการบอกต่อถึงคุณภาพงาน
เพราะฉะนั้นเราควรรักษามาตรฐานของเราเอาไว้ให้ดีอยู่เสมอ
อาชีพนี้ต้องทำงานร่วมกับอาชีพ/ตำแหน่งงานใดบ้าง
1.ในรูปแบบที่เกิดขึ้นเป็นส่วนใหญ่
สถาปนิกจะทำสัญญากับเจ้าของโครงการ (Owner) โดยรับหน้าที่เป็นผู้ให้บริการวิชาชีพ ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการก่อสร้าง
ผ่านทางการออกแบบ(Building Design) และการทำแบบก่อสร้าง(Construction Document)
2.สถาปนิกจะมีผู้ที่ปรึกษา คำแนะนำในเรื่องเทคนิคระดับซับซ้อน คือ วิศวกร
ซึ่งจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในแต่ละแขนงเกี่ยวกับการก่อสร้าง
โดยทั่วไปสำหรับโครงการขนาดกลางวิศวกรเหล่านี้จะประกอบด้วย วิศวกรโครงสร้าง (Structural
Engineer) วิศวกรโยธา (Civil Engineer) วิศวกรไฟฟ้า
(Electrical Engineer) วิศวกรประปา (Plumbing
Engineer) และ วิศวกรเครื่องกล (Mechanical Engineer)
3.นอกจากนี้อาจจะมีที่ปรึกษาอื่นๆที่สำคัญ เช่น มัณฑนากร (Interior
Designer) และภูมิสถาปนิก (Landscape Architect)เป็นต้น นักวิชาชีพทั้งหมดนี้จะทำงานร่วมกันเป็นทีม
ผ่านการประสานงานของสถาปนิก ซึ่งเป็นผู้นำของทีม (Team Leader)
4.ผู้ติดต่อประสานงานระหว่างทีม (Coordinator) เพราะที่ปรึกษาอื่นๆ จะไม่มีใครเข้าใจภาพรวมของโครงการเท่าสถาปนิก
ขอบเขตงานของสถาปนิก ได้แก่
1. งานด้านออกแบบ (Design)
2. งานด้านการบริหารโครงการ (Construction
Management)
3.
งานด้านการบริหารการใช้พลังงานในอาคาร (Building Energy
Management)
4. งานด้านการออกแบบการให้แสง (Lighting
Design)
5. งานด้านบริหารจัดการอาคาร (Facility
Management)
6. งานด้านอนุรักษ์ (Preservation)
7. งานตรวจสอบมาตรฐานและความปลอดภัยของอาคาร
(Building
Inspection)
ดังนั้น สถาปนิกต้องทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญหรือนักวิชาการตามหัวข้อข้างต้นเพื่อปรึกษาหารือ แสดงความคิดเห็น
และร่วมเสนอแนวทางที่เหมาะสมที่สุดออกมา
2. คุณลักษณะของงาน
เป้าหมายของงาน / โจทย์ใหญ่ของงาน
/ความท้าทายของงาน
งานสถาปนิก คือ การออกแบบอาคารประเภทต่างๆให้สวยงามและสอดคล้องกับสภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ กฎหมาย ประยุกต์ใช้ความรู้ ความสามารถ
ทั้งทางศิลปะและเทคนิค โดยคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยและประหยัด
ทั้งในด้านราคาค่าก่อสร้างและพลังงานสนองความต้องการของผู้อาศัยและผู้ใช้อาคาร
สถาปนิกจะเป็นผู้ออกแบบต้องทำงานตามขั้นตอนและกำหนดเวลาชิ้นผลงานต่างๆ ร่วมกับวิศวกรก่อสร้างและนักเขียนแบบ
ซึ่งงานทุกงานที่ได้รับมีความท้าทายและโจทย์ที่ต้องแก้ไขแตกต่างกัน
ขึ้นอยู่กับว่างานนั้นจะเป็นอะไร เป้าหมายคือทำงานชิ้นนั้นให้สำเร็จลุล่วงตั้งแต่ขั้นตอนแรกยันขั้นตอนสุดท้ายที่เรารับผิดชอบ
Work process
ขั้นตอนการให้บริการวิชาชีพของสถาปนิก
1. บันทึกรายละเอียดความต้องการของลูกค้า
เพื่อออกแบบให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า
2. ออกแบบเบื้องต้น (Schematic
Design) ออกแบบ คำนวณแบบ
เลือกวัสดุที่มีคุณภาพเหมาะสมและให้ประโยชน์สูงสุดกับลูกค้า
3. ออกแบบรายละเอียด (Design
Development หรือ DD)
4. คำนวณรายการใช้จ่ายให้เหมาะสมกับเนื้องาน
5. ทำแบบก่อสร้าง (Construction
Document) เตรียมแบบและส่งแบบที่วาดโดยช่างเขียนแบบให้ลูกค้าพิจารณา
เพื่อดัดแปลงแก้ไขและตอบข้อซักถามของลูกค้าร่วมกับวิศวกร
6. เมื่อแก้ไขดัดแปลงให้สมบูรณ์แล้วจึงส่งแบบให้กับวิศวกรทำการก่อสร้าง
7. ออกปฏิบัติงานร่วมกับวิศวกรระหว่างทำการก่อสร้าง
เพื่อให้ใช้วัสดุตามแบบที่วางไว้ตามเงื่อนไขสัญญา
8. ให้คำปรึกษาต่อวิศวกรและแก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการก่อสร้างและการคำนวณของวิศวกร
9. การประมูลและเจรจาต่อรอง (Bidding
and Negotiation)
10. บริหารงานก่อสร้าง (Construction
Administration) อาจวางแผนและควบคุมงานที่สถาปนิกจะได้รับทำเป็นประจำตลอดปี
คือ งานปรับปรุง ดัดแปลง แก้ไข
ตัวอาคารเพื่อความทันสมัยสวยงามและปลอดภัยอยู่เสมอสถาปนิกอาจมีความชำนาญในอาคารบางชนิดเป็นพิเศษ
เช่น การออกแบบการใช้อาคารในพื้นที่แคบ เป็นต้น
Career path/ความก้าวหน้าของสายอาชีพ
อนาคตความก้าวหน้าของคนที่ประกอบอาชีพนี้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และความชำนาญในงานเป็นสำคัญโดยมีหลักประกันอยู่ที่ฝีมือและผลงาน ผู้ที่ทำงานในภาครัฐจะได้รับการเลื่อนขั้นตามความสามารถถ้าได้รับการศึกษาต่อหรืออบรมหลักสูตรต่างๆ เพิ่มเติมอาจได้เป็นผู้อำนวยการของหน่วยเองที่สังกัดอยู่
ในภาคเอกชนอาจได้เป็นผู้จัดการหรือผู้ดูแลโครงการก่อสร้างหรือเป็นเจ้าของกิจการก็ได้
บุคลิก นิสัยของคนที่เหมาะจะทำอาชีพนี้
สถาปนิกเป็นอีกอาชีพที่ต้องมีความรับผิดชอบสูงมาก
ในชีวิตจริงมันไม่ได้สวยงามอย่างในละคร
คนกลุ่มนี้ไม่ได้แค่มีหน้าที่ออกแบบอาคารคุมงานก่อสร้างให้ได้ดังที่ลูกค้าต้องการ
แต่สิ่งที่เราออกแบบไปนั้นคือความรับผิดชอบของเรา หากมีสิ่งผิดพลาดเกิดขึ้นในอนาคตคนที่จะโดนฟ้องคนแรกก็คือสถาปนิกนี่แหละ ดังนั้นนอกจากความคิดสร้างสรรค์ ทักษะพื้นฐานทางสถาปัตยกรรม ความรอบคอบ และความรับผิดชอบถือเป็นคุณสมบัติที่สำคัญมาก
3. คุณค่าและผลตอบแทน
ผลตอบแทน
สถาปนิกที่รับราชการจะได้รับเงินเดือนตามวุฒิการศึกษา
สถาปนิกที่ทำงานกับภาคเอกชนจะได้รับเงินเดือนขึ้นอยู่กับฝีมือและประสบการณ์ ได้รับสวัสดิการตามกฎหมายแรงงานกำหนดไว้และสิทธิประโยชน์อื่น เช่น โบนัสขึ้นอยู่กับผลประกอบการและรายได้ของสถาปนิกมักจะขึ้นอยู่กับตำแหน่ง
ตำแหน่งของสถาปนิกที่ทำงานในสำนักงานสถาปนิกหรือองค์กรที่มีฝ่ายสถาปัตยกรรม มีดังนี้
1. ผู้ช่วยสถาปนิก : Architect
Assistant
2. สถาปนิก ผู้น้อย : Junior
Architect
3. สถาปนิก : Architect
4. สถาปนิก อาวุโส : Senior
Architect
5. ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบ : Design
Director , Architect Director
คุณค่าของอาชีพนี้ต่อคนรอบข้างและสังคม
"สุข"
ในสัมมาอาชีพของเรา คือ การให้บริการวางแผนออกแบบที่ " SO OK " ซึ่งในวิชาชีพสถาปัตยกรรมควบคุมสาขาต่างๆ
ตั้งแต่การวางแผนเมืองและสภาพแวดล้อม การอนุรักษ์ชุมชนและสถาปัตยกรรม
การออกแบบชุมชนเมือง (สถาปัตยกรรมผังเมือง) สถาปัตยกรรมหลัก ภูมิสถาปัตยกรรม
สถาปัตยกรรมภายในและการออกแบบผลิตภัณฑ์ ซึ่งรวมทุกอย่างที่จำเป็นในสังคมเอาไว้
หากขาดอาชีพสถาปนิกไปโครงสร้างของเมืองหรือประเทศอาจจะยุ่งเหยิงน่าดู เพราะฉะนั้นถือว่าเป็นอาชีพที่สำคัญและขาดไม่ได้
และน้องๆที่เลือกที่จะมาเรียนแล้วต้องตั้งใจเรียนให้มากและนำความรู้ที่เราเรียนมา มาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติต่อไป
4. ทักษะ ความรู้ ความสามารถ
สถาปัตยกรรมศาสตร์ เป็นการศึกษาสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานเทคนิควิทยาการทั้งทางวิทยาศาสตร์ ศิลปะ
และวัฒนธรรมเข้าด้วยกัน เพื่อตอบสนองความต้องการในการดำรงชีวิตของมนุษย์
ในด้านสภาพแวดล้อมทางกายภาพที่อาศัย วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่นั้น สนองตอบในเชิงจิตวิทยา
เพื่อพัฒนาสภาพแวดล้อมทางกายภาพให้เหมาะสมในการดำรงชีวิตของมนุษย์
โดยครอบคลุมตั้งแต่ระดับมหัพภาคถึงจุลภาค
สถาปัตยกรรมศาสตร์เป็นสาขาวิชาที่จะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ในหลายด้าน
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรูปแบบศิลปะ เรื่องของชุมชน เรื่องของพฤติกรรมมนุษย์และเรื่องอื่นที่เกี่ยวข้องอีกมากมาย
ถือเป็นศาสตร์ที่มีศาสตร์อื่นมาเกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก จนยากที่จะสรุปลงไปได้ว่ามี
ศาสตร์สาขาใดมาเกี่ยวข้องบ้าง
5. เครื่องมือที่ใช้ในอาชีพนั้น
ถ้าเป็นยุคสมัยนี้เครื่องมือที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ
คอมพิวเตอร์ เราจะใช้โปรแกรมต่างๆเป็นเครื่องทุ่นแรงในการออกแบบ ทั้ง SketchUp
Photoshop Autocad หรือ archicad
และงานเอกสารทั่วไป เพราะจะมีความแม่นยำ สวยงาม และรวดเร็ว
ต่างจากเมื่อก่อนที่จะเป็นงาน Munual งานวาดมือทั้งหมด
ซึ่งจะต้องมีโต๊ะดราฟหรือโต๊ะเขียนแบบเป็นโต๊ะประจำตัว แต่ถ้าเรามีเวลาจริงๆ ก็อยากทำงานเป็นงานมือเพราะเป็นงานละเอียดและมีคุณค่ากว่า